เริ่มต้นกันที่วัดแรก “วัดไร่ขิง พระอารามหลวง หรือ วัดมงคลจินดาราม” เป็นวัดดังที่มีชื่อเสียงของ ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ,นครปฐม พระอารามหลวงแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของ “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” พระพุทธรูปปางมารวิชัยเนื้อทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 4 ศอก 2นิ้วเศษ สูง4ศอก 16นิ้วเศษ พุทธลักษณะเป็นศิลปะสมัยเชียงแสน สันนิษฐานกันว่าเป็นฝีมือช่างสมัยไทยล้านนาและล้านช้าง “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” องค์นี้มีตำนานที่กล่าวขานถึงประวัติความเป็นมาที่ว่า ท่านลอยน้ำมาตามแม่น้ำนครชัยศรีและได้อัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานไว้เป็นพระประธานของวัด เมื่อได้เข้าไปกราบสักการะจะรู้สึกร่มเย็น สงบ ตัดขาดจากความวุ่นวายภายนอกได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
นอกจากการได้มาสักการะ “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวนครปฐมและเป็นที่เคารพบูชาของพุทธศาสนิกชิกโดยทั่วกันแล้ว ภายในวัดยังมีศาสนสถานที่ให้ได้ร่วมทำบุญกราบไหว้ขอพรอีกหลายแห่ง ล้วนตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เจริญหู เจริญตา เจริญใจ ถือได้ว่าเป็นกุศโลบายทางธรรมที่ให้คนรุ่นใหม่ทุกเพศทุกวัยได้ใกล้ชิดวัดและพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น
ทุกวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ จะมีตลาดนัดอาหารและผลไม้จำหน่ายบริเวณด้านหน้าวัดให้เลือกซื้อรับประทานหรือนำกลับไปเป็นของฝาก หากเป็นฝั่งริมแม่น้ำนครชัยศรีก็จะมีวังมัจฉาเป็นเขตอภัยทาน มีปลายสวายมาอาศัยอยู่นับพันตัว นักท่องเที่ยวสามารถซื้อขนมปังเลี้ยงปลาได้ เกือบทุกวันจะมีเรือขายผักผลไม้หรือขนมของชาวบ้านพายผ่านมาขาย ทำให้ได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านริมแม่น้ำนครชัยศรีที่แสนจะเรียบง่ายและไม่มีให้เห็นไม่มากนักในเมืองหลวง
เลี้ยวซ้ายออกจากวัดไร่ขิง มาประมาณ 3 กิโลเมตร ก็จะถึง “วัดท่าพูด” เป็นวัดเก่าแก่ที่สันนิษฐานกันว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เจ้าอาวาสองค์แรก คือ พระอาจารย์รด ต่อมาตามลำดับคือ หลวงพ่อเทศ,หลวงพ่อมาก,หลวงพ่อจ้อย,หลวงพ่อแก้ว,หลวงพ่อชื่น,หลวงพ่อแช่ม,พระปลัดผล,พระอาจารย์โรย,พระครูพิศาลสาธุวัฒน์ และพระครูวรดิตถานุยุต บรรยากาศภายในวัดท่าพูดมีความเงียบสงบแตกต่างจากวัดไร่ขิงและวัดดอนหวาย
เมื่อเดินผ่านซุ้มกำแพงแก้ววัดท่าพูดเข้าไปแล้ว จะพบพระวิหารอยู่ด้านซ้าย พระอุโบสถอยู่ด้านขวา ด้านหน้ามี “พระสังกัจจาย” และ “ใบเสมาคู่” ที่ไม่ได้ทาสีใหม่ทำให้เห็นถึงอายุขัยที่เก่าแก่ เพิ่มความเข้มขลังด้วยแผ่นทองที่ถูกปิดลงด้วยพลังศรัทธาที่มีต่อกันมาช้านาน ศาสนสถานสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ “พระจุฬามณีวัดท่าพูด” สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ผู้สร้างชื่อนายช่วง เป็นผู้ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก คราวหนึ่งได้เกิดนิมิตมองเห็นพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ด้วยความเลื่อมใสจึงได้ขายที่นา 50 ไร่ นำมาสร้างพระจุฬามณีเจดีย์ถวายไว้ในพระพุทธศาสนา เพื่อให้ประชาชนได้มากราบไหว้บูชา ภายในพระจุฬามณีเจดีย์บรรจุพระเขี้ยว ลักษณะเป็นแก้วใสเจือสีเหลือเล็กน้อยคล้ายลูกโป่งในท้องปลาตะเพียน ชาวบ้านเรียกว่า "โป่งปลาตะเพียน" นอกจากนี้พระจุฬามณีเจดีย์ถือว่าเป็นพระธาตุประจำปีจอ เชื่อกันว่าบุญที่ได้จากการไหว้บูชาและสร้างกุศลกับพระธาตุนั้น หากผู้ใดปฏิบัติบูชาด้วยจิตใจบริสุทธิ์และหมั่นกราบไหว้บูชาตามกำลังจะเกิดสิริมงคลต่อตนเองและครอบครัว
หากต้องการจะเข้าชม พระอุโบสถ พระวิหาร และ พิพิธภัณฑ์วัดท่าพูด ซึ่งเป็นที่รวบรวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า กรุณาติดต่อทางวัดเพื่อสอบถามรายละเอียดล่วงหน้า
เดินทางมาจนถึงวัดสุดท้ายของทริปนี้ “วัดคงคารามดอนหวาย” หรือ “วัดดอนหวาย” วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดย "สมเด็จพระพุฒาจารย์พุก" อดีตเจ้าคณะใหญ่แขวงกรุงเก่า เมื่อราวพุทธศักราช ๒๓๙๔ ซึ่งเป็นยุคต้นรัชกาลที่ ๔ งานศิลปกรรมของวัดดอนหวายจึงผสมผสานกันด้วยโครงสร้างหลักเหมือนรูปแบบสมัย รัชกาลที่ ๓ แต่มีการตกแต่งช่อฟ้า หลังคาแบบรัชกาลที่ ๔ ปัจจุบันได้มีการบูรณะตามกาลเวลา
เมื่อมาถึงควรไปกราบสักการะพระประธานปางมารวิชัย เป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ลงรักปิดทองทั้งองค์ สวยงามมาก นามว่า “หลวงพ่อวิไลยเลิศ” และ “หลวงพ่อวิสาหาร” ทั้งสององค์เป็นพระพุทธรูปคู่วัดดอนหวายที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาและมักจะมากราบไหว้ขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
“ตลาดน้ำดอนหวาย” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของ จ.นครปฐม ตั้งอยู่ภายในวัดคงคารามดอนหวาย เป็นตลาดเก่าตัวอาคารร้านค้าส่วนใหญ่เป็นอาคารไม้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ถือได้ว่าเป็นแหล่งธุรกิจระดับท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง สินค้าเป็นของพื้นบ้าน มีทั้งผัก ผลไม้ อาหารและขนมต่างๆ ที่แต่ล่ะร้านก็แสดงฝีมือปรุงรสกันอย่างสุดฝีมือ เป็นที่ติดอกติดใจของผู้คนที่มาเยี่ยมเยือน
เมนูแนะนำของที่นี่ ได้แก่ “เป็ดพะโล้” เป็นจานเด็ดที่ขึ้นชื่อมาก มีให้เลือกหลายร้าน ทั้งร้านนายหนับ ร้านนายโอ ฯลฯ ทุกร้านล้วนแต่เป็นเจ้าเก่าเจ้าดัง เนื้อเป็ดนุ่มละมุนลิ้น น้ำพะโล้เข้มข้น ทานคู่กับเมนุแนะนำอย่าง ห่อหมกปลาช่อน ห่อหมกปลากราย นึ่งร้อนๆ เนื้อปลาแน่นๆ บอกเลยดีต่อใจมากๆ มาตลาดดอนหวายเป็นอันว่าไม่ควรพลาด
สุดท้ายหากใครอยากล่องเรือชมทัศนียภาพของแม่น้ำนครชัยศรี ติดต่อได้ที่ “เรือศรีสวัสดิ์ย้อนยุค” , “เรือมิตรสายชล”, “เรือรุ้งฟ้า” มีโปรแกรมทัวร์ให้เลือกหลายเส้นทาง บริการทุกระดับประทับใจ “สมาคมฯชวนชิล” ขอแนะนำค่ะ
· การเดินทางไปวัดไร่ขิง – วัดท่าพูด – วัดดอนหวาย : จากกรุงเทพฯ สามารถใช้เส้นทางถนนเพชรบุรี(สายเก่า) ทางเข้าอยู่เยื้องฟาร์มจระเข้าสามพราน หรือ จากถนนปิ่นเกล้า – นครชัยศรี เข้าทางพุทธมณฑลสาย 5 ซ้ายมือมีป้ายบอกทางเข้าวัดไล่ขิง วิ่งตรงมาประมาณ4 กิโลเมตร ทั้งสามวัด อยู่ถนนเส้นเดียวกัน
· การเข้าไปกราบหลวงพ่อวัดไร่ขิงควรหลีกเลี่ยง ช่วงเวลา 08.30 น. และ 17.00 น. เนื่องจากเป็นเวลาทำวัตรเช้า-เย็น
· หากต้องการจะเข้าชม พระอุโบสถ พระวิหาร และ พิพิธภัณฑ์วัดท่าพูด กรุณาติดต่อล่วงหน้า โทร 08 1941 6637 (คุณวิรัชน์), 08 9786 4533 (คุณมานะ), 0 3428 8852, 0 3432 1122 (เจ้าอาวาส)
· ล่องเรือชมแม่น้ำนครชัยศรี “เรือศรีสวัสดิ์ย้อนยุค” โทร (034) 393-637 , 081-448-8876 / “เรือมิตรสายชล” โทร 081-446-8556,081-625-0672 / “เรือรุ้งฟ้า” โทร 081-241-8027,081-196-3372